คนเรามักจะคิดว่ามีอยู่ไม่กี่ที่ ที่เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ซึ่งก็คือบ้าน ห้องนอน หรือสถานที่ที่เราคุ้นเคย แต่สำหรับเราแล้ว “โลกใบนี้” แหละที่ทำให้เราค้นพบ "ตัวตน" จริงๆของเรา ที่ชอบเดินทางไปพบความสบายใจในที่ต่างๆ เที่ยวแบบชิลๆง่ายๆ ตามใจเรา บางที่เรายังไม่คิดเลยว่าเราจะไปอยู่ตรงนั้นได้บ่อยและนานโดยไม่เบื่อเลย

เราเองก็เคยดูภาพถ่ายจากคนอื่นแล้วก็จินตนาการสถานที่นั้นตาม แต่สุดท้ายแล้ว.. คำบอกเล่าเป็นหมื่นๆ คำก็ไม่สามารถบรรยายได้ครบเท่าไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง  จึงเกิดการหลงรักการออกเดินทาง เพื่อได้ออกไปเห็นมุมมองที่แตกต่าง ซึ่งในแต่ละที่ก็จะมีความเป็นเอกลักษณ์ มีกลิ่นอายของตัวเองรอให้เราไปค้นหาอยู่

ว่ากันว่าระหว่างทางนั้นบางทีก็สวยงามกว่าปลายทางซะอีก ทั้งรสชาติของการเดินทาง ความสนุก อุปสรรค เรื่องตลก มักเกิดขึ้นระหว่างทางเสมอ บทความนี้เลยอยากจะพาทุกคนไป “ขับรถบ้านคันใหญ่ เที่ยวอเมริกา 3 สัปดาห์ 8 รัฐ 11 เมือง”

เรียกได้ว่าครบทุกอารมณ์ โหด มันส์ ฮา น่ารัก ที่จริงก็ไปมาแล้วหลายที่ แต่เลือกจะเล่าเรื่องอเมริกาเพราะรู้สึกว่าเป็นประเทศที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ความไม่มีอะไรนี่แหละ ที่มันมีอะไรหลายๆอย่างที่คลิกเรามาก แบบอยากจะย้ายไปอยู่ให้มันรู้แล้วรู้รอดเลย ชอบฟีลประเทศนี้ที่สุด

ด้วยความที่กลุ่มของเรามีความชอบคล้ายๆกันคือความง่ายๆ ชิลๆ ไม่ค่อยมีแบบแผน การเดินทางครั้งนี้จึงวางแผนไว้หลวมๆ และ...ค่ำไหนนอนนั่น!! ไปถึงแล้วไม่ชอบก็ขับต่อ หรือเที่ยวจนพอแล้วกับตรงนี้ก็มูฟออนกันไปเลย ไม่ได้กำหนดว่าวันนี้เราจะต้องนอนที่นี่เท่านั้น ไปดูวิถี “The Plan is No Plan” ของพวกเรากันดีกว่าว่าจะรอดไม่รอด แต่รับรองว่าได้ความชิลไปเต็มๆ

เราเริ่มทริปกันที่เมือง ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย

สถานที่น่าสนใจก็คือ Golden Gate (แนะนำล่องเรือด้วย), Ghirardelli Square, Fisherman Wharf, Palace of Fine Art, Crissy Field, Twin Peaks

แล้วก็ขับรถต่อไปที่ Yosemite National Park ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ สดชื่นแบบมากๆๆ และที่นี่ก็มีวิวสวยติดอันดับด้วย ใครมาฝั่งนี้อย่าลืมแวะเที่ยว ไม่ผิดหวังเลยค่ะ

จุดชมวิวแนะนำ Bridalveil Fall, El Capitan Meadow, Yosemite Valley, Cathedral Beach, Sentinel Beach, Tunnel View, Valley View, Swinging Bridge, River Bend, Cook’s Meadow

ต่อมาก็คือเมืองในฝันของใครหลายคน "ลอสแอนเจลิส"  ที่นี่เราอยู่กันนานมากๆๆ เกือบอาทิตย์นึงได้ เพราะรู้สึกชอบและมีทุกอย่างที่เราต้องการ เราเที่ยวแบบเจาะลึกทุกจุด ช้อปกระจาย มีความสุขมาก

จุดเช็คอินที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ Disneyland park, Universal Studios Hollywood, Hollywood Sign, Hollywood Walk of Fame, Griffith Observatory, Santa Monica Pier, The Broad, Walt Disney Concert Hall, Museum of Art – LACMA และอีกมากมาย

ออกจากแอลเอก็แอบแวะไปที่ Joshua Tree National Park ที่ห่างออกไปประมาณ 3 ชั่วโมง ฟีลแบบเดินเล่นในทุ่งต้นกระบองเพชร ได้ภาพแนวดิบๆหน่อย แปลกดีเหมือนกัน

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าต่อไปที่ Death Valley National Park บอกเลยว่า... สุด 

สุดมากๆเลยก็คือความร้อน ฮ่าๆๆๆ ร้อนมากๆแบบหลัง 10โมงเช้าคือเที่ยวไม่ได้แล้ว เพราะจุดนี้คือจุดที่ต่ำที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือ จึงมีอุณหภูมิร้อนและแห้งมากๆ เราเดินทางไปถึงกันช่วงเย็นก็รีบพักผ่อนเอาแรง เพราะจะต้องเริ่มออกเที่ยวในวันถัดไปตั้งแต่ตี4 จ้า เราวางแผนและหาข้อมูลกันอยู่นานและสรุปว่าจะเริ่มต้นกันที่ Mesquite Flat Sand Dunes เนื่องจากจะต้องเดินจากจุดจอดรถไปประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นกลางทะเลทราย ที่สำคัญคือไปตอนเช้าทรายจะเนียนสวย ยังไม่มีรอยเท้า แล้วมันก็ฟินมากจริงๆ โมเม้นท์ตอนพระอาทิตย์ค่อยๆขึ้นมาคืออยากแค่นั่งชมจนไม่จับกล้องเลย เสร็จแล้วเราก็รีบไป Zabriskie Point, Badwater Basin, Artist Palette กันก่อนที่แดดจะร้อนเกินไป และยังมี Ubehebe Crater อีกจุดที่เป็นหลุมที่เกิดจากกระระเบิดของภูเขาไฟ แต่จะอยู่อีกฝั่งของอุทยานจะต้องจัดแบ่งเวลาให้ดีค่ะ

เนื่องจากอากาศที่ร้อนมากๆในตอนกลางวัน เราจึงคุยกันว่าไหนๆก็เก็บครบทุกจุดที่ต้องแล้ว ขับรถเข้าเวกัสเลยแล้วกัน .. Las Vegas รัฐเนวาดา สวรรค์ของสายปาร์ตี้ ที่เราได้ลุยเที่ยวชมแสงสีเสียงกันแบบไม่ยั้งเลยจริงๆ นานๆทีจะได้อยู่ในเมืองแห่งการปาร์ตี้ทั้งวันทั้งคืนอะเนาะ กิจกรรมที่พลาดไม่ได้ก็คงจะเป็นปาร์ตี้สระน้ำที่ Encore Beach Club ทานบุฟเฟต์นานาชาติที่ Wynn และ Bellagio โยกตู้สล็อตเสี่ยงโชคกันที่ Caesar palace ถ้าปังๆได้เงินมาก็ไม่พ้นช้อปต่อที่ Fashion show mall อีกsignatureของเมืองนี้ก็คือโชว์น้ำพุของโรงแรม Bellagio แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าหมดไปไม่น้อยเลยจ้ากับเมืองนี้ แหะๆ

แล้วเราก็กลับเข้าสู่เส้นทางธรรมชาติกันอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยัง Grand Canyon รัฐแอริโซนา

ที่นี่มีบริการรถบัสฟรีไปยังจุดชมวิวต่างๆของอุทยาน เราจึงเลือกเส้นทางบัสสายสีชมพู และแวะลงที่ Mohave point ที่เราคิดว่าจุดนี้วิวสวยสุด Powell Point เป็นจุดที่เหมาะสำหรับถ่ายรูปกับคน  และHopi point จุดสุดท้ายของวันนี้เพื่อนั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน

เดินทางต่อไปที่เมือง Page ซึ่งเป็นพื้นที่ของชาวอินเดียแดงดั้งเดิม เพื่อพบกับความสวยงามของธรรมชาติที่ Antelope Canyon และ Horseshoe bend

วันรุ่งขึ้นออกเดินทางแต่เช้าตรู่เพื่อแวะพักที่เมือง Salt Lake city รัฐยูทาห์ ซึ่งตรงกับ Independence Day หรือ 4th of July พอดี จึงได้เห็นบรรยากาศที่ทั้งเมืองเฉลิมฉลอง ตกแต่งบ้านเรือน และออกมาชมพลุร่วมกันในตอนกลางคืน นับเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขไปกับทุกคนด้วยจริงๆ

แวะเข้าเมืองได้คืนเดียวก็เดินเข้าป่าต่อรัวๆไปที่ Yellowstone National Park รัฐไวโอมิง

ดูความยิ่งใหญ่อลังการของธรรมชาติกันอีกสักยกกับ Grand Prismatic Springs น้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา พื้นที่ของอุทยานค่อนข้างใหญ่มากๆ ในการแวะเที่ยวจุดๆหนึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร จุดอื่นๆที่น่าสนใจเช่น Mammoth Hot Springs, Yellowstone Lake in the afternoon, Artist's Paintpot, Grand Canyon of Yellowstone

จากนั้นเราก็ยิงยาวไปยังเมือง ซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน จุดหมายสุดท้ายสำหรับทริปนี้ หลงรักเมืองนี้เข้าอีกแล้ว เป็นเมืองที่มีครบ ทั้งความเจริญและธรรมชาติ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน ผู้คนก็น่ารักมากๆ อากาศก็ดี ชิล ติดทะเล แหล่งช้อปปิ้งครบ

พวกเราขอจบทริปครบรส เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม จากเหนือจรดใต้แถมตีกลับขึ้นเหนืออีก18ตลบ ไว้แต่เพียงเท่านี้

เรายังคุยกันอยู่ว่ารอบหน้าจะออกทริปแบบนี้อีกที่ฝั่งนิวยอร์คดูบ้าง น่าจะได้เรื่องอยู่เหมือนกัน เพราะการเดินทางไม่มีวันสิ้นสุด อยากให้ทุกคนลองเริ่มออกเดินทาง ค้นหาตัวตน บางทีอาจจะมีอีกตัวตนที่ซ่อนอยู่แบบไม่รู้ตัวก็ได้นะ ลองดูสิ

ยังไม่หมดนะ 
ยังมีเรื่องเล่าการเดินทางของ Blogger ชื่อดังอีกกว่า 20 pages แน่ะ
ทั้ง สายท่องเที่ยว สายกิน สายช้อป สายแฟมมิลี่ สายติดแฟน หรือ ไร้สาย หลากหลายรูปแบบมากด้วยประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
และ ตัวตนของพวกเค้าที่เพื่อนๆ ยังไม่รู้จัก 
แล้วเพื่อนๆ จะพบแรงบันดาลใจในการสร้างประสบการณ์การเดินทางของตัวเราเอง 
คลิกเลย!