Back to Discover
การเดินทางของเด็กติดเกมส์ สู่ Everest Base Camp

Go Went Gone ไปไม่เว้น
31 Jul 2019“การเดินทางของเด็กติดเกมส์ สู่ Everest Base Camp”
สำหรับผม ชีวิตไม่ใช่การค้นหาตัวตนแต่มันคือการสร้างตัวตนของเราขึ้นมา หากรู้ว่าเราชอบหรือรักอะไร ผมไม่ลังเลที่จะทำและพาตัวเองไปอยู่กับสิ่งนั้น ยิ่งบทเรียนยากขึ้นเท่าไร ถ้าเราผ่านมันไปได้ เราก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับเรื่องราวในการเดินทางของผม ซึ่งผมได้ชนะใจตัวเองแล้วว่า คนตัวเล็ก ๆ อย่างเราก็สามารถไปยืนมองจุดที่ได้ชื่อว่า สูงที่สุดในโลกได้ นั่นคือ “ยอดเขาเอเวอเรสต์”
จากเด็กต่างจังหวัดคนนึง ที่วัน ๆ เอาแต่เล่นเกมส์ โลกที่สามารถโลดโผนและทำให้มีความสุขได้คือโลกในเกมส์ จนวันนึงที่เกมส์โดนแฮกไป นั่นมันคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ได้ลองเปิดตัวเอง ให้อยู่กับโลกของชีวิตจริงดูบ้าง ลองออกเดินทางไปที่ ๆ ไม่เคยไปด้วยตัวเอง ได้ไปลองใช้ชีวิตลำบากกับสถานที่ใหม่ ๆ มันทำให้รู้สึกว่า ทำไมเราไม่ออกเดินทางให้เร็วกว่านี้ เพราะจริง ๆ แล้วการออกเดินทางในโลกของความจริงนั้น มันสนุก ท้าทาย และมีอะไรให้เรียนรู้เยอะมาก
จากการเดินทางท่องเที่ยวไปที่ต่าง ๆ ก็มาสู่การเดินป่าเดินเขากับผู้คนที่ไม่รู้จัก จากเขาที่ 1 สู่เขาที่ 2 จนมารู้ตัวเองอีกที เราผ่านการเดินป่า เดินเขามาเป็น 10 - 20 สถานที่แล้ว มันชัดเจนในใจเลยว่า นี่แหละ คือสิ่งที่เรารัก คือความสุขทุกครั้งที่เราอยู่กับมัน ผมจึงออกเดินป่า ไปที่ลำบาก ๆ และทำคลิปเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่ยังไม่กล้าออกมาจาก Save Zone ของตัวเอง
จนวันนึงเราไปยืนอยู่ในจุดที่ท้าทายใจตัวเองมากที่สุด และเป็นสิ่งที่เราคิดในใจมาโดยตลอดว่า เราจะไปยืนในจุดนั้นให้ได้ นั่นคือ ไปยืนมองยอดเขาเอเวอเรสต์ เชื่อว่าจุดที่นักเดินป่าทั่วโลกก็ฝันอยากที่จะไปเช่นกัน
มันเลยทำให้ผม ทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะได้พาตัวเองไปอยู่ตรงนั้นให้ได้ ทั้งหาเงิน เตรียมความพร้อมทางร่างกาย จนวันนึงที่ทุกอย่างพร้อม การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตผมก็มาถึง
ในการเดินทางครั้งนี้เส้นทางของผมคือการไปพิชิต Everest Base Camp ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 วัน ตลอดระยะเวลา 15 วัน มันมีเรื่องให้ท้าท้ายมาก ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย ตั้งแต่การที่ต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินลุกลา ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสนามบินที่อันตรายต้น ๆ ติดอันดับโลก ทั้งสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่เป็นใจ ทำให้ผมต้องเปลี่ยนแผนเป็นขึ้น เฮลิคอปเตอร์แทน ซึ่งก็อันตรายไม่แพ้กัน
จากนั้นเริ่มต้นการเดินจากสภาพอากาศที่เย็นกำลังดี ผ่านไป 2-3 วัน เริ่มเข้าสู่สภาพอากาศที่หนาว เย็นขึ้นเรื่อย ๆ จนอากาศที่หนาวจัด ชนิดที่ว่า ไม่อยากตื่น ไม่อยากขยับร่างกาย เพราะความหนาวทำให้เจ็บตัวไปทุกส่วน หนาวจนก้าวขาไม่ไหว นิ้วเป็นแผลเพราะโดนความหนาวจัด บวกกับออกซิเจนในอากาศก็น้อยลง เพราะอยู่ในระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น ทำให้เหนื่อยมากกว่าปกติ เพราะฉะนั้นจะต้องคอยระวังตัวเอง ไม่ให้เดินหรือทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่างกายเร็วจนเกินไป ไม่เช่นนั้นจะเหนื่อยจนไม่มีแรงหายใจเลย
ซึ่งนี่ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้ผมได้ฉุกคิดว่า ชีวิตเราต้องไม่ประมาท ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ทุกย่างก้าวคือความเสี่ยง
แต่จนสุดท้ายผมก็ได้ไปถึงจุด Everest Base Camp แล้วไปยืนมองยอดเขา Everest ที่สูงชันอยู่ตรงหน้า ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก มันอยู่ข้างหน้าผม มันทั้งดีใจและภูมิใจในตัวเองมาก ๆ มันคือรางวัลของความพยายาม ไม่ใช่พยายามตลอดการเดินเขา แต่มันคือความพยายามทั้งหมดที่ทำให้ตัวเองมาอยู่จุดตรงนี้ได้
วินาทีนั้นคืออยากขอบคุณตัวเองมาก ที่กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เพราะไม่อย่างนั้น ผมจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าชีวิตในการออกเดินทางนั้นมัน Amazing ขนาดไหน
“ เพราะนักเดินทาง เป็นแล้วมันเลิกไม่ได้”
Recommend

เวลาเที่ยว
Date 30 Apr 2020
Nonstop Journey
Date 27 Apr 2020
ไปกันนะ : Pai Gun Na
Date 16 Dec 2019
ฉันกลัวที่แคบ
Date 16 Dec 2019
หนีงานไปเที่ยว
Date 25 Nov 2019
WTF : We Travel Forever
Date 25 Nov 2019
จ ะ เ ที่ ย ว ไ ป ไ ห น
Date 22 Nov 2019
กินเพลิน เดินเที่ยว
Date 18 Nov 2019
ไปไง มาไง
Date 05 Nov 2019
GoGraph Japan
Date 05 Nov 2019
Scratch da world / สองเท้า-เกาโลก
Date 22 Oct 2019
Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Date 08 Oct 2019
Little Monster
Date 23 Sep 2019
Travelerspulse
Date 20 Sep 2019
แฟนพาเที่ยว / My Life My Travel
Date 02 Sep 2019
เที่ยวสบาย 9 Booking
Date 23 Aug 2019
Go Went Gone ไปไม่เว้น
Date 31 Jul 2019
สะพายกล้องท่องเที่ยว กับ มาเรีย ณ ไกลบ้าน
Date 12 Jul 2019
6 August Journey
Date 12 Jul 2019
CoolBieЯe's Folio
Date 11 Jul 2019
LAZY COUP : เที่ยวเป็นคู่
Date 10 Jul 2019
แม่จ๋าๆพามาตาไปเที่ยวหน่อย
Date 10 Jul 2019
พี่ม้าพาเที่ยว ฮี่ฮี่เจแปน
Date 04 Jul 2019