Back to Discover
Road trip ลุยเดี่ยว สู่เขตเทือกเขามรดกโลก “Dolomites” ประเทศอิตาลี

Scratch da world / สองเท้า-เกาโลก
22 Oct 2019ผมเชื่ออยู่เสมอว่า การเดินทาง ไม่ใช่เพื่อหนีชีวิต แต่เพื่อให้ชีวิตไม่หนีเราไปไหน ... เมื่อเราพร้อมก็ออกเดินทางได้เสมอไม่ต้องรออะไรแม้ว่าจะต้อง ลุยเดี่ยว ก็ตาม ทำให้หลายปีที่ผ่านมาผมออกเดินทาง “ลุยเดี่ยว” เที่ยวไปทั่วโลกเสมอมา และนั่นคือตัวตนของผม
หากพูดถึงประเทศอิตาลี หลายคนน่าจะนึกถึงสถาปัตยกรรมยุคโรมันที่ Rome หรือเมืองแห่งคูคลองอย่าง Venice , หอเอนที่ Pisa ไปจนถึงบรรดาตึกรามบ้านช่องยุคโบราณต่างๆ แต่ในเวลานี้ ขอให้ลืมภาพทั้งหมด แล้วเตรียมจดบันทึกหน้าใหม่กับความน่าสนใจทางธรรมชาติที่มีดีกรีมรดกโลกจาก UNESCO มาค้ำคอ สถานที่ที่ผมกำลังพูดถึงคือแนวเทือกเขา Italian Alps แสนสวยทางตอนเหนือของประเทศในเขต South Tirol ที่มีชื่อว่า .. “เทือกเขา Dolomite” ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแนวเขาที่สวยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
3 วัน 3 คืน ทั้งยืน ทั้งนั่งแต่ก็ยังไม่พอ เพราะจุดแวะเยอะมาก แถมวิวจากธรรมชาติก็กินขาดซะเหลือเกิน! ครบทุกความบันเทิงในด้านทัศนียภาพทั้งเทือกเขาสูงรูปทรงสวยงามแปลกตาสลับกันไปมา ไปจนถึงทะเลสาบสวยที่กระจายตัวอยู่ตามจุดต่างๆ หลายแห่ง บรรดาเส้นทางขับรถชมวิวชิลๆ หรือจะเดินเทรลขึ้นเขาดื่มด่ำไปกับธรรมชาติก็ไม่เลวนัก หากขี้เกียจเดินไกล ก็มีกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขาอีกหลายจุด หากมาหน้าหนาว ก็จะขาวโพลนทั้งเมือง หรือถ้ามาช่วงซัมเมอร์ ก็จะได้เจอธรรมชาติสีขาวอันงดงาม ส่วนถ้าจะมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี คุณก็จะได้เห็นบรรยากาศเหมือนอย่างที่ผมเห็นในตอนนี้ ซึ่งแน่นอนว่าการเที่ยวแถบนี้ที่ดีที่สุดคือขับรถเที่ยวนั่นเอง
เอาล่ะ มาดูกันดีกว่า ว่าถ้าจะมาขับรถเที่ยวที่นี่ ต้องเตรียมอะไรบ้าง
- Passport พร้อมวีซ่า Schengen
- ใบขับขี่ไทยและใบขับขี่สากล (ต้องใช้ทั้งสองชนิด)
- จองรถเช่าให้เรียบร้อย รับรถตรงไหน คืนตรงไหนดูให้ดี
- รู้วิธีการขับรถในยุโรป ไปจนถึงกฎหมายต่างๆ
- แพลนจุดแวะต่างๆ ให้ดี
- เวลาที่มีควรจะสักมี 3 วันเป็นอย่างน้อยสำหรับจุดหลักๆ
- และด้วยความที่ผมขับรถเที่ยว ความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ก่อนเดินทางผมก็ได้จองประกันการเดินทางออนไลน์ไว้กับ TIPINSURE เพื่อความอุ่นใจ คือนอกจากจะใช้ยื่นวีซ่า Schengen ได้แล้ว ยังครอบคลุมไปถึงเรื่องต่างๆ อย่างเช่นอุบัติเหตุ ทรัพย์สินหรือเอกสารสำคัญสูญหาย ความล่าช้าของเที่ยวบินเป็นต้น เอาจริงๆ กันไว้ก่อนดีกว่า เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาระหว่างทางมันไม่คุ้มจริงๆ
ลองดูประกันการเดินทางของทาง TIPINSURE ได้ที่ https://www.tipinsure.com/ประกันการเดินทางต่างประเทศ
ไปยังไงล่ะ ?
ในส่วนของการเดินทาง ผมขอสรุปแบบสั้นๆ เพื่อความกระชับและเข้าใจได้ง่ายๆ
ก่อนอื่นที่ต้องเน้นคือ “คุณต้องเช่ารถขับเท่านั้น”
“เริ่มจากที่ไหนดี ?”
มีสองเมืองสนามบินที่คุณสามารถเริ่มได้ เพราะมีไฟลท์จากไทยไปถึงทั้งไปและกลับ นั่นคือ “Milan กับ Venice”
จาก Milan ก็สามารถเช่ารถขับจากสนามบิน แวะเที่ยว Lake Garda แล้วเข้าไปเที่ยวในเขต Dolomites ก่อนจะไปจบที่ Venice แล้วเที่ยวต่อก็ได้เช่นกัน
ถ้าเริ่มจาก Venice ... ก็ควรจะไปจบที่ Milan ครับ จะได้ไม่วนไปวนมา ซึ่งทริปนี้ผมเริ่มจากกรุง Venice ว่าแล้วก็เริ่มกันเลยดีกว่า!
แต่แค่เริ่ม ก็เกือบไม่ได้เริ่มซะแล้ว …
ผมขับรถออกจาก Venice ตั้งแต่เช้า ขับมาจนจะถึงอยู่ละ .. พอจะลงไปเข้าห้องน้ำที่ปั้ม ก็พบว่าลืมกล้องไว้ที่โรงแรม!!
โอ้โห เหยียบกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์กลับไปทันที โชคดีที่ทางโรงแรมเก็บไว้ให้ แต่รวมๆ คือเสียเวลาของวันนี้ไปราวๆ 5 ชั่วโมงกับการขับรถไปกลับ แล้ววิ่งผลัดสี่คูณร้อยไปโรงแรม เรียกว่าจากที่ต้องขับทั้งวัน 200 กว่าโล กลายมาเป็น 600 โล โถชีวิต!
หลังจากเอากล้องเรียบร้อย ...จาก Venice ผมก็เหยียบมิดตรงดิ่งเพื่อไปยังหนึ่งในสถานที่เที่ยวสำคัญก่อนเลย นั่นคือ Lake Misurina ส่วนจุดในภาพคือด้านหน้าก่อนจะถึงทางเข้าสู่ตัวทะเลสาบครับ
ตามรอยโปสการ์ดที่ “ทะเลสาบ Lake Misurina”
ทะเลสาบน้ำจืดสีเทอร์คอยส์แสนสวยบนความสูง 1,754 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีความยาว 2.6 กิโลเมตร โดยมีจุดที่ลึกสุดไม่มาก คือ 5 เมตร
บรรยากาศรอบๆ คือดีมากมีทั้งทะเลสาบและแนวสนในช่วงที่ใบไม้กำลังเริ่มเปลี่ยนสี โดยมีฉากหลังคือภูเขา Sorapiss ทำหน้าที่เป็นเหมือนกำแพงอยู่ตรงนั้น และเห็นอาคารสีเหลืองตรงนั้นไหมครับ ? ผมเชื่อว่าถ้าให้เดา หลายคนน่าจะคิดว่ามันคือโรงแรม แต่จริงๆ แล้วมันคือ “ ศูนย์พยาบาลและศูนย์ดูแลรักษาผู้ป่วย “ ต่างหาก สาเหตุที่เค้ามาทำศูนย์ตรงนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะอากาศที่บริสุทธ์มากๆ ของที่นี่นั่นเอง
และในช่วงแสงสุดท้าย ได้ทักทายกับ Tre Cime
ถ้าถามว่ายอดเขาอะไร ที่เป็นสัญลักษณ์ของ Dolomite แน่นอนครับว่าหนึ่งในสามต้องมีชื่อของ “ Tre Cime ” อยู่ด้วย วันนี้ได้เห็นในช่วงพระอาทิตย์ตกดินพอดี แต่จุดนี้เหมือนได้เห็นแค่ทรงผมของพี่เค้า ไว้พรุ่งนี้จะพาไปเดินดูฉบับเต็มตัวกันบ้าง
ตัดภาพมาวันที่สอง วันนี้ก็เริ่มกันด้วยอีกหนึ่งไฮไลท์ กับทะเลสาบแสนสวย “ Lago di Braies ”
ปักหมุด GPS ไปว่า Lago di Braies แล้วขับไปให้สุดทางจะเจอลานจอดรถ จากนั้นเดินมาอีกราวๆ 5 นาที ก็จะเห็นทะเลสาบสี turquoise ที่งดงามจนได้ชื่อว่าเป็น “ Pearl among Dolomite lakes ” หรือไข่มุกแห่งทะเลสาบใน Dolomite เลยนะครับ ไม่ธรรมดา
ง่ายๆ คือถ้ามา Dolomite ยังไงก็ต้องไปที่นี่ กับทะเลสาบแสนสวยบนความสูงราวๆ 1500 เมตรจากระดับน้ำทะเล นอกจากสีจะสวยแล้ว ยังมีฉากหลังเป็นภูเขาอีก
บริเวณนี้คุณยังสามารถพายเรือล่องไปในทะเลสาบได้อีกด้วย หรือถ้ามีเวลาก็เดินสวนสนามวนรอบทะเลสาบสักหนึ่งรอบก็ชิลล์ดีนะครับ
Tip ~ ถ้ามาเช้าเกินไปจะยังไม่สวย .. ที่นี่ควรมาตั้งแต่ 10.30 – 11.00 AM เป็นต้นไปในช่วง Autumn
เอาล่ะ ได้เวลา บอกลา Lago di Braies ไปด้วยมุมมหาชน งดงามสมชื่อ หากมีโอกาส เราคงได้เจอกันอีก
และอย่างที่บอกไปครับ ว่าทะเลสาบสวยๆ ที่นี่เยอะจริง อีกจุดนึงที่อยากจะแนะนำคือ Lago Antorno
เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ผมไม่ค่อยเห็นสถานที่แห่งนี้ในรีวิว Dolomite ทั้งที่มันสวยและเดินทางไม่ยาก เพราะมันอยู่ด้านหลัง Lake Misurina เลยล่ะ
ขอแนะนำจากใจ .. กับ Lago Antorno ทะเลสาบแสนสวยที่น้ำนิ่งจนเห็นภาพ Reflection ของน้ำและต้นไม้ ไปจนถึงด้านหลังของยอดเขาแลนด์มาร์คอย่าง Tre Cime … ว่าแล้วก็ไปหา Tre Cime กันต่อเลยดีกว่า
Trekking เบาๆ ไปเอามุมสวยๆ จาก Tre Cime di Lavaredo
แน่นอนครับ ... ถ้ามา Dolomite แต่ไม่ได้เดินไปหา Tre Cime ในระยะประชิดมันไม่ได้!
ว่าแล้วก็ขับรถจาก Lago Antorno ไปอีกราวๆ 7 กิโล เป็นทางชันเบาๆ ไม่นานก็ถึงด้านบนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทาง Trek ไปยังมุมสวยๆ ของ Tre Cime di Lavaredo โดยจะมีมีค่าเข้าอุทยานประมาณ 30 ยูโรต่อคันครับ
เอาล่ะ มาถึงด้านหน้า จอดรถเรียบร้อย ก็มาพูดถึงเรื่องเส้นทางเทรคกันหน่อย ...
การจะไปชม Tre Cime ใกล้ชิด แน่นอนว่าคุณต้องเดิน จะเดินใกล้ เดินไกล ก็อยู่ที่ความตั้งใจและมุมที่อยากจะเห็นของแต่ละคน รอบๆ Tre Cime จะมี Rifugio ( หรือที่พัก ) ที่เป็นจุดชมวิวหลักๆ อยู่สามจุด แต่ละจุดก็ห่างกันพอสมควร
ซึ่งเส้น Trail จะมีวนซ้าย และวนขวา หลักๆ แล้วในส่วนของ Rifugio ถ้าเดินวนขวาจะใกล้กว่าวนซ้าย
จุดทีใกล้สุดคือแถวจุดจอดรถเลย นั่นคือ Rifugio Auronzo ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น Trail และวิวสวยอยู่ อีกจุดถัดไปคือ Rifugio Lavaredo และหลังจากจุดนี้ซึ่งทางจะโหดขึ้น จนไปถึงปลายทางที่จุด Rifugio Locatelli ว่ากันว่าวิวสวยมาก ... ระยะทางรวมตั้งแต่จุดแรกมาที่ปลายทางราว 4.6 กิโลเมตร
สรุปว่าถ้าคุณจะ Trail ต้องมีอย่างน้อยๆ ครึ่งวัน จะไม่เหนื่อยมาก บ่นมาซะเยอะ สรุปผมวนซ้าย ซึ่งจะเป็นจุดชมวิวหลักๆ เหมือนกัน แต่เดินไม่ไกล ประมาณไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงจุดหลัก
“ สวัสดี Tre Cime di Lavaredo ” คุ้มค่า .. สวยอย่างที่หวัง เลยไม่มีคำว่าผิดหวังที่ได้เจอ ความรู้สึกที่ได้ถูกธรรมชาติอันยิ่งใหญ่โอบกอดนั้นมีดีจริงๆ ...
ขอพูดถึงยอดเขา Tre Cime สักหน่อย ...
Tre Cime di Lavaredo หรือ Drei Zinnen ในภาษาเยอรมัน คือยอดเขาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในแถบ Dolomite และถือเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่
ลักษณะจะเป็นยอดเขารูปเหลี่ยมสูงแหลมหน้าตาประหลาดแต่ก็สวยงามสมชื่อ ทั้งหมดจะมีสามยอดติดกัน (Tre ในภาษาอิตาลีแปลว่า สาม ส่วน Cima แปลว่า ยอด นั่นเอง) โดยภูเขาสามยอดนี้คือ Cima Grande ลูกกลาง สูง 2,999 เมตร ส่วนลูกซ้ายขวาคือ Cima Piccola 2,857 เมตร และ Cima Ovest สูง 2,973 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เมื่อก่อนเป็นส่วนหนึ่งของเส้นแบ่งเขตชานแดนระหว่างอิตาลีและออสเตรีย ปัจจุบันเป็นของอิตาลี ตั้งอยู่รอยต่อระหว่างแคว้น South Tyrol กับ Belluno
กว่าจะเถลไถล เก็บภาพบรรยากาศด้านใน จนเดินออกมา พระอาทิตย์ตกดินพอดี ซึ่งภาพนี้ก็คือ “ ช่วงเวลาดีๆ ” ในตอนนี้
ขากลับก็ขอแวะ Lago Antorno อีกสักที … งดงามจริงๆ
เข้าสู่วันที่สาม เวลาก็ผ่านไปเร็วซะเหลือเกิน ตื่นเช้ามาแบบง่วงๆ ขับรถงงๆ หันไปมองข้างทาง โอ้โห ทะเลหมอกมาจ้า! ตาสว่างทันที รีบจอดรถแล้วลงไปบันทึกความทรงจำสักไว้เป็นที่ระลึกสักใบ
เส้นทางขับรถใน Dolomites นั้นงดงามจริงๆ มี Scenic route ไปจนถึง Pass สวยๆ อยู่หลายจุด และสถานที่แห่งนี้คือหนึ่งในนั้น
“Giau pass” ถนนที่คดเคี้ยวท่ามกลางขุนเขาและสายหมอก คงไม่ต้องบอกว่าสวยแค่ไหน ภาพหนึ่งใบไม่สามารถขยายความ บอกเล่าถึงความงดงามของสถานที่ได้ทั้งหมด คุณต้องมาเห็นและสัมผัสด้วยตาของตนเองเท่านั้น จึงจะรู้ว่ามันดีต่อใจจริงๆ
บริเวณนี้จะมีจุดชมวิสวยๆ อยู่แถว Berghotel Passo Giau ครับ หาที่จอดรถแล้วเดินไปได้เลย วิวสวยมาก
วันนี้ขอบอกว่าวิวสวยตลอดทาง แค่วิวระหว่างทาง ก็อิ่มไปทั้งวัน
แวะลงมาทักทาย “เขา”
ส่วนนี่ก็แวะลงมา … อะไรดีล่ะ คือง่วงมาก กว่าจะหาร้านกาแฟได้นี่แทบจะหลับคาพวงมาลัย ถ้าไม่ได้วิวสวยๆ ช่วยไว้มีจอดหลับระหว่างทางแน่นอน ว่าแล้วก็ขอซะหน่อย กับแคปชั่นสุดฮิต
“กาแฟหลักร้อย วิวหลักล้าน”
ก่อนจะมาปิดท้ายวันที่จุดชมวิวยอดฮิตที่ชื่อว่า SANTA MAGDALENA [ GPS : 46.64861, 11.71527 ]
มันจะมีมุมหนึ่งที่เป็นอีก Signature ของ Dolomite กับภาพหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีโบสถ์ SANTA MAGDALENA เป็นแลนด์มาร์คโดยมีฉากหลังเป็นกลุ่มยอดเขา Odle group
ในภาพยังไม่ใช่มุมหลักนะ แต่ก็อยูในละแวกเดียวกัน คือวิวรวมๆ สวยทั้งนั้น จะซ้าย ขวา หน้า หลัง นี่ไม่ได้เวอร์ .. ไปดูของจริง แล้วจะรู้ว่าคำชมที่บ่นให้ฟัง มันยังน้อยไป
แต่ความยากคือต้องหาที่จอดรถใกล้ๆ ครับ เพราะมีน้อยมาก ถ้าที่จอดใกล้ๆเต็ม คุณต้องถอยไปจอดในหมู่บ้านแล้วเดินเท้าขึ้นมาจุดชมวิวแทน ได้ที่จอดแล้วก็เดินวนไป มันต้องงดงามแน่ๆ (ผมคิดในใจ)
มาถึงใบสุดท้าย และท้ายสุด ที่จุดชมวิว SANTA MAGDALENA ก็ทำให้ผมพบว่า ...
“แป้กเบาๆ ครับ!” โถววว ... กลุ่มยอดเขา Odle group ด้านหลัง ได้ถูกมนต์ดำจากเมฆหมอกบดบังแบบไม่เห็นแม้แต่เงา แต่ไม่เป็นไร เพราะรวมๆ ทุกมุม ได้แค่นี้ก็ดีใจแล้ว จริงๆ ถ้าเห็นยอดเขาด้านหลัง ภาพที่ได้จะทรงพลังและต่างไปอย่างสิ้นเชิงเลย
เอาน่ะ เราไม่ได้สามารถคาดเดาอะไรจากธรรมชาติได้ .. อะไรที่ไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ แค่เข้าใจและยินดีกับทุกเรื่องราวก็พอ
ขอบคุณครับ
Recommend

เวลาเที่ยว
Date 30 Apr 2020
Nonstop Journey
Date 27 Apr 2020
ไปกันนะ : Pai Gun Na
Date 16 Dec 2019
ฉันกลัวที่แคบ
Date 16 Dec 2019
หนีงานไปเที่ยว
Date 25 Nov 2019
WTF : We Travel Forever
Date 25 Nov 2019
จ ะ เ ที่ ย ว ไ ป ไ ห น
Date 22 Nov 2019
กินเพลิน เดินเที่ยว
Date 18 Nov 2019
ไปไง มาไง
Date 05 Nov 2019
GoGraph Japan
Date 05 Nov 2019
Scratch da world / สองเท้า-เกาโลก
Date 22 Oct 2019
Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Date 08 Oct 2019
Little Monster
Date 23 Sep 2019
Travelerspulse
Date 20 Sep 2019
แฟนพาเที่ยว / My Life My Travel
Date 02 Sep 2019
เที่ยวสบาย 9 Booking
Date 23 Aug 2019
Go Went Gone ไปไม่เว้น
Date 31 Jul 2019
สะพายกล้องท่องเที่ยว กับ มาเรีย ณ ไกลบ้าน
Date 12 Jul 2019
6 August Journey
Date 12 Jul 2019
CoolBieЯe's Folio
Date 11 Jul 2019
LAZY COUP : เที่ยวเป็นคู่
Date 10 Jul 2019
แม่จ๋าๆพามาตาไปเที่ยวหน่อย
Date 10 Jul 2019
พี่ม้าพาเที่ยว ฮี่ฮี่เจแปน
Date 04 Jul 2019