แต่ถ้าเราต้องหมดสนุกเพราะเรื่องไม่คาดคิดล่ะ เธอจะทำยังไง ? 

การเดินทางของเรา เราจะป้องกันตัวเองทุกครั้ง เพื่อปิดรูรั่วของแพลนท่องเที่ยว คือการซื้อประกันการเดินทาง ซึ่งถ้าให้แนะนำเราก็ต้องบอกว่า TIPINSURE คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดเจ้าหนึ่ง เพราะซื้อง่ายด้วยปลายนิ้วผ่านไลน์ หมดกังวลเรื่องการป่วยเข้าโรงพยาบาล, ของหายก็มีเงินชดเชย, ไฟล์ทดีเลย์ก็จ่ายค่าเสียเวลาให้ เป็นต้น

Red Brick Warehouses

สถาปัตยกรรมยุโรป ที่จะทำให้เรารัวชัตเตอร์จนนิ้วแข็ง เพราะเดินไปทางไหนก็สวยไปหมดโดยเฉพาะจุด Kanemori Red Brick Warehouse หรือ ท่าเรือและโกดังอิฐแดง โกดังที่สร้างเป็นทรงยุโรปติดกัน 5 หลังไว้เก็บสินค้าตั้งแต่ปี 1869 ตั้งอยู่บริเวณริมท่าเรือที่เอาไว้รับ-ส่งสินค้าจากต่างประเทศ เพื่อส่งต่อไปยังโยโกฮาม่า และนางาซากิ จนปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็นที่ตั้งของร้านค้าขายของที่ระลึก ของทำมือจุกจิกน่ารัก รวมไปถึงเสื้อผ้า เครื่องหนังดีไซน์ของคนท้องถิ่น มีขายอาหาร-ขนมขึ้นชื่อของเมือง เช่น ชีสเค้กที่ทำจากนมฮอกไกโด ซอฟเสิร์ฟที่ราดกับน้ำผึ้งยี่ห้อดังของจังหวัด หรือใครสายชิล ก็มีโรงเบียร์อยู่ในนี้เช่นกัน ยิ่งในช่วงหิมะตก ความขาวหิมะตัดกับตัวตึกได้อย่างลงตัว เหมือนจับวางเลย ถ้ามาคนเดียวก็คงได้บรรยากาศเหงา ๆ แต่ถ้ามากับแฟนก็คงกลายเป็นฉากในหนังรักได้เลยเหมือนกัน ออ ใครมาช่วงคริสต์มาสเค้าจะมีการแสดงไฟที่เข้ากับเทศกาลแบบงาม ๆ ให้ชมกันด้วยนะ

Former Government Office Building

ถ้าถามถึงเมืองหลวงแห่งเกาะฮอกไกโด ว่ามีจุดไหนถ่ายรูปแล้วสวยแบบห้ามพลาด เห็นจะเป็น Former Government Office Building ที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโดแห่งนี้แหละ เดินทางง่ายมาก อยู่ใจกลางเมืองซัปโปโร ที่ทำการหลังใหญ่โตแบบนี้บอกเลยว่าหาดูได้ยากมากในประเทศญี่ปุ่น เป็นสไตล์ ‘นีโอบาร็อคอเมริกา’ สร้างตั้งแต่ปี 1888 โดยปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม ตกแต่งละเมียดสวยงามตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น นิทรรศการภายในจัดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และผลงานของเมือง ของที่ระลึกที่ขายในตึก บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถ้าดูดี ๆ มีของประเทศไทยด้วยนะ โดยจุดที่ถ่ายรูปได้สวยสุดคือตรงสวนสาธารณะฝั่งตรงข้าม เป็นทางเดินยาวมุ่งตรงสู่ตึก พอรวมกับผู้คนที่เดินขวักไขว่ พร้อมหิมะที่ค่อย ๆ ตกลงมามันเหมือนอยู่ยุโรปมาก ๆ จ้า

Sapporo Beer Museum

คอเบียร์ห้ามพลาดเลยกับที่นี่ ทั้งเบียร์กระป๋อง เบียร์คราฟต์ เบียร์ดำ หรือเบียร์อะไรที่นี่ก็เชี่ยวชาญหมด เพราะเป็นโรงงานผลิตเบียร์ มีมายาวนานกว่า 100 ปี ถ้าใครเคยเห็น เขามีแบรนด์เป็นของตัวเองด้วย ชื่อว่า Sapporo Beer แบบตรงตัวเลย นอกจากประวัติแล้ว เขายังเก็บอาร์ตเวิร์คของโฆษณาทุกชิ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตรงนี้เรารู็สึกประทับใจมาก เพราะศิลปะการโฆษณาในสมัยเกือบร้อยปีนั้นหายากพอ ๆ กับทองเลยแหละ มีแท้งค์กลั่นเบียร์อันมหึมาให้เห็น ถ้าเดิน ๆ แล้วเริ่มเคลิ้มอยากเทสต์ ก็มีให้ลองเป็นเซ็ตเลย ยาวหน่อยก็สั่งอาหารทานไปด้วยเลยก็ได้

Hill of the Buddha

Hill of the Buddha หรือเนินเขาพระพุทธเจ้า สถาปัตยกรรมสุดแปลก และอลังการของศิลปิน ทาดาโอะ อันโดะ ที่ชอบสร้างผลงานศิลปะแบบมินิมอลจนโด่งดังไปทั่วโลก เนินเขาแห่งนี้เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะตรงเนินเขานั้น เขาได้ปลูกดอกลาเวนเดอร์ไว้ เพื่อหน้าร้อนทั้งพื้นที่จะเป็นสีม่วง และแน่นอนหน้าหนาวก็ต้องขาวโพลน และมีสถาปัตยกรรมโผล่มาชิค ๆ อย่างที่เห็น เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะเป็นอุโมงค์แสนสงบความยาวกว่า 400 เมตร ปลายทางนั้นคือพระพุทธรูปองค์โต ที่เราเห็นพระเศียรโผล่พ้นออกมาจากเนินนั่นเอง ที่สำคัญที่ตั้งของเนินเขานี้อยู่ในสุสาน Makomanai Takino Cemetery ด้วยล่ะ เพิ่มความขลังเข้าไปอีก...

Susukino & Tanukikoji Shopping Street

มาถึงขาช้อป เราจะพาเดินให้ขาลากที่ย่านซูซูกิโนะ และทานูคิโคจิ สองเส้นนี้แหละอยู่ติดกัน เดินได้แบบไหลลื่นจนลืมเวลาไปเลย อย่างย่านซูซูกิโนะ จะเน้นไปที่ความบันเทิง ร้านอาหาร ร้านเบียร์ ไนท์คลับ คาราโอเกะ พร้อมไฟสีสันสดใสยามค่ำคืน ตรงนี้ก็สวยใช่ย่อยเหมือนกัน เดินยาวมาที่ ทานูคิโคจิ ตรงนี้เป็น walking street ยาว 1 กิโลเมตร จากต้นทางมองไปสุดยังไม่เห็นปลายสายเลยเธอ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้า ร้านขายยา ขายเครื่องสำอาง รองเท้า รวมไปถึงสินค้ามือสองก็มี และแม้หิมะจะตก เราก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้นเพราะตลอดเส้นทาง มีหลังคาปิดหมดด้วย เก๋ ๆ

Otaru

สถานที่สุดป๊อปที่ใคร ๆ ก็อยากมาเช็คอินให้ได้ เพราะนั่งรถไฟจากซัปโปโรไม่ถึงชั่วโมง ก็ได้แชะภาพวิวสวย ๆ แล้ว ที่คลองโอตารุแห่งนี้ ความพิเศษของคลอง อยู่ที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมืองเป็นแนวยาว ข้างหนึ่งเป็นเมือง อีกข้างหนึ่งเป็นโกดังเก่าแก่สร้างตั้งแต่ปี 1923 ปัจจุบันดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านอาหารมากมาย สิ่งหนึ่งที่มาแล้วเราไม่อยากให้พลาดคือการกิน king crab เพราะปูยักษ์ที่นี่ขึ้นชื่อมาก สด และอร่อยจนไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มให้เสียรสชาติ แต่ถ้าไม่มีเวลานั่งก็เดินซื้อไอติมกินท้าหิมะสักหน่อย คงจะเป็นความคิดที่ดีนะ เนื่องจากคลองนี้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ตอนแรกเราคิดว่ามันจะต้องวุ่นวายมากแน่ ๆ แต่กลับมีจังหวะ และมุมที่สงบมากด้วยเหมือนกัน มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เรามาเลย เหมือนเป็นเสน่ห์ของที่นี่

Asahikawa Zoo

เที่ยวสวนสัตว์ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าสวนสัตว์ที่ซัปโปโรแล้ว ที่ Asahikawa Zoo แห่งนี้จะมาเที่ยวฤดูไหน น้อง ๆ สมาชิกในนั้นก็ดูมีชีวิตชีวาทุกครั้ง แต่ถ้าเป็นฤดูหนาว... ที่ดูมีสีสันสุด เห็นจะเป็นเหล่าสัตว์เมืองหนาวขนพอง ตัวกลม ทั้งหมีขั้วโลก จิ้งจอกหิมะ แมวน้ำ นกฮูก น้องแพนกวิ้น ฯลฯ โดยปกติที่นี่มีการแสดงประจำวันอยู่แล้ว แต่ช่วงหน้าหนาวหรือมีหิมะตก มักจะมี Special Event เช่น การพาแพนกวิ้นออกมาเดินเล่น อวดโฉมให้นักท่องเที่ยวได้ดูกันแบบใกล้ชิด อินเนอร์น้องเหมือนเดินพรมแดงเลยแหละ เพราะเหล่าแฟนคลับอยู่ติดขอบ กรี๊ดกร๊าดกันเต็มไปหมด สัตว์บางชนิดก็เล่นหิมะแบบเอาเป็นเอาตาย อย่างกับรอเวลาเล่นสนุกแบบนี้มานานนม เป็นอีกอรรถรสที่เรารู้สึกว่าประเทศนี้มันน่ารักจริง ๆ ให้ตายสิ

Patchwork Course

วิวเนินเขาพาโนราม่า ที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใด ๆ นอกจากต้นไม้สูงเป็นหย่อม ๆ และต้นหญ้าเตี้ย ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ นอกนั้นก็เป็นสีขาวโพลนของหิมะปกคลุมไปทั่วเนิน จรดกับขอบฟ้าไกลสุดตา... เธอคิดว่าวิวแบบนี้จะหาดูได้จากที่ไหนอีก ? ที่เรามั่นใจว่าทุกคนต้องชอบ เพราะมีการการันตีความสวยจนได้เป็นฉากในภาพยนตร์ และโฆษณาหลายเรื่อง ส่งผลให้ที่แห่งนี้กลายมาเป็นจุดท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของฮอกไกโด สำหรับเราคิดว่าที่นี่เหมาะกับการถ่ายภาพแบบมินิมอลมาก ๆ น้อยแต่ (สวย) มาก เราสนุกกับการเล่นสีโทนสว่างของธรรมชาติ แค่ใส่เสื้อสีเด่นขึ้นมาหน่อย แล้วจัดองค์ประกอบภาพดี ๆ เราเชื่อว่าทุกคนต้องได้ภาพชิค ๆ ไปอวดคนในโซเชียลให้สะพรึงกันแน่ ๆ

Blue Pond

บ่อน้ำสีฟ้าสดใสที่สวยเหมือนภาพวาด บ่อน้ำแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้โคลนจากภูเขาไฟ Tokachi ที่ปะทุขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1988 ไหลทะลักเข้าสู่เมือง และด้วยแร่ธาตุที่มีอยู่ในดินก็ทำให้น้ำน้ันกลายเป็นสีฟ้าจนเป็นที่มาของชื่อ “Aoi-Ike” (บ่อน้ำสีฟ้า) นั่นเอง ในช่วงฤดูหนาว บ่อน้ำแห่งนี้จะกลายเป็นน้ำแข็ง ที่มีหิมะปกคลุมไปทั้งบ่อ เขาจึงมีการแสดง Illumination ฉายไฟยามค่ำคืน ย้อมสีหิมะตรงหน้าให้กลายเป็นสีฟ้าสดใสเหมือนกับตอนฤดูร้อน และฤดูใบไม้ผลิ หากแต่เป็นตอนกลางคืน ก็ได้ความสวยไปอีกแบบนะ

Asahikawa Ramen Village

อะไรจะดีไปกว่าการซดซุปร้อน ๆ ในอุณหภูมิติดลบละ... ที่สุดท้าย เราพามาหาของกินกันที่ หมู่บ้านราเมนอาซาฮิคาว่า (Asahikawa Ramen Village) หมู่บ้านนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1996 เพื่อที่จะรวบรวมร้านราเมงเจ้าเด็ด ๆ ไว้ถึง 8 ร้านให้มาอยู่ในอาคารหลังเดียวกัน โดยราเมงของหมู่บ้านนี้ได้รับอิทธิพลมาจากการผสมผสานบะหมี่หลายชนิดจากจีน จนได้เอกลักษณ์เป็นของตนเอง โดยแต่ละร้านก็จะมีสูตรลับ และเมนูชูโรงเป็นของตัวเอง เช่น มีรสเผ็ด, ราเมงเกลือ, ซุปกระดูกหมูเข้มข้น ที่มีวิธีการทำไม่เหมือนกัน ถ้าใครมากินแล้วชอบก็อย่าลืม สูดเส้นให้ดัง ๆ ซดซุปให้หมดถ้วยนะ สำหรับคนญี่ปุ่น มันเป็นการแสดงถึงความพอใจในอาหารจานนี้แหละ

ทั้งหมดนี้เป็นการท่องเที่ยวฮอกไกโดในมุมมองของเรา ที่เราคิดว่าดีสำหรับคนที่รักในความหลากหลายคล้ายกับเรา บางทีเราไม่ต้องเลือกไปทุก ๆ ที่ตามที่คนอื่นไป แต่เลือกเฉพาะที่ที่ถูกกับความชอบของตัวเอง มันก็คือการท่องเที่ยวเพื่อความสุขที่แท้จริงแล้ว และยิ่งถ้าได้เพื่อนร่วมทริปไปไหนไปกัน ทำอะไรทำด้วยกัน มันคือสวรรค์ที่แท้จริงเลยนะ แม้ทุกทริปเราจะต้องเจออุปสรรคน้อยบ้าง เยอะบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เอากลับมาเล่า มันอาจจะกลายเป็นเรื่องตลกได้ในทันที สิ่งเหล่านี้สร้างสีสันให้ทริปของเรามีเรื่องน่าจดจำมากขึ้นเหมือนกันนะ อยู่ที่การแก้ปัญหา และมุมมองของเราเอง นี่แหละความหลากหลายของอารมณ์ ‘ที่เที่ยว’ ที่เราชอบ มีใครชอบแบบเราบ้างมั้ย ?

ยังไม่หมดนะ 
ยังมีเรื่องเล่าการเดินทางของ Blogger ชื่อดังอีกกว่า 20 pages แน่ะ
ทั้ง สายท่องเที่ยว สายกิน สายช้อป สายแฟมมิลี่ สายติดแฟน หรือ ไร้สาย หลากหลายรูปแบบมากด้วยประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
และ ตัวตนของพวกเค้าที่เพื่อนๆ ยังไม่รู้จัก 
แล้วเพื่อนๆ จะพบแรงบันดาลใจในการสร้างประสบการณ์การเดินทางของตัวเราเอง 
คลิกเลย!